วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ความจริงของชีวิตในทัศนคติของแต่ละศาสนา



ความจริงของชีวิต คือ ความจริงต่างๆในชีวิตของเรา เช่น น้ำจะต้องไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ มีความสุขก็ต้องมีความทุกข์ ทุกชีวิตเกิดมาก็ต้องตาย ฯลฯ เป็นกฎของธรรมชาติที่ทุกคนต้องเจอไม่มีทางหลีกหนีได้ ผู้ที่ศึกษาและเข้าใจถึงความจริงของชีวิตจะช่วยให้รู้ทัน เข้าใจ และยอมรับความจริง สามารถอยู่กับความจริงได้อย่างเป็นสุขและช่วยให้ปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งนำความรู้จากความจริงของชีวิตมาสร้างสรรค์สิ่งต่างๆให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตได้
             ส่วนความจริงของชีวิตตามทัศนะคติของแต่ละศาสนา มีหลักธรรมการสั่งสอนยังไงไปดูกัน
            1.ความจริงของชีวิตตามหลักศาสนาพุทธ ได้แก่ ไตรลักษณ์ คือ ลักษณะพื้น ๆ ทั่วไปที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง 3 ประการ คือ ความไม่เที่ยง ความทุกข์ และความไม่มีตัวตน ส่วนอริยสัจ คือความจริงที่ไม่คลาดเคลื่อน เป็นความจริง ของพระอริยบุคคลเท่านั้น มี 4 ประการ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค ซึ่งสามารถนำไปแก้ปัญหาในชีวิตของทุกคนทุกเรื่องได้ตลอดกาล  
            2.ความจริงของชีวิตตามหลักศาสนาคริสต์  เป็นศาสนาแห่งความรัก สอนให้มนุษย์ปลูกฝังความรักความเมตตาในตน โดยมีพระเยซู องค์ศาสดาทรงปฏิบัติเป็นตัวอย่าง ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวกันว่า คำสอนศาสนาของพระเยซู คือปรัชญาแห่งความรัก คือเริ่มต้นจากการรักพระเจ้า รักครอบครัว รักเพื่อนบ้าน และรักมิตรสหายของตนเหมือนกับตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นปรัชญาแห่งคำสอนที่สำคัญของพระเยซูอีกประการหนึ่งคือการให้อภัย แม้ขณะที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระองค์ทรงขอให้พระเจ้าทรงประทานอภัยให้กับคนบาปที่ได้กระทำร้ายพระองค์ 
            3.ความจริงของชีวิตตามหลักศาสนาอิสลาม พูดถึงกิจการงานต่างๆ ที่จะทำนั้น ให้มีความเหมาะสมกับตนเองและสังคม ขณะเดียวกันต้องออกห่างจากการงานที่ไม่ดี ที่สร้างความเสื่อมเสียอย่างสิ้นเชิง ส่วนการประกอบคุณงามความดีอื่นๆ การถือศีลอด การนมาซ และสิ่งที่คล้ายคลึงกับสิ่งเหล่านี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเป็นบ่าวที่จงรักภักดีและปฏิบัติตามบัญชาของพระองค์ กฎเกณฑ์และคำสอนของศาสนา ทำหน้าที่คอยควบคุมความประพฤติของมนุษย์ ทั้งที่เป็นหลักศรัทธา หลักปฏิบัติและจริยธรรม 
            4.ความจริงของชีวิตตามหลักศาสนาพราหมณ์-ฮินดู คือ การบูชาพระศิวะด้วยการกระทำความดีเพื่อถวายแก่พระศิวะ ผู้ที่ปรารถนาที่จะกลับเข้าสู่ความเป็นอาตมันหรือตรัสรู้สามารถทำได้โดยการทำสมาธิ และให้คิดว่าร่างกายนี้เราก็ละในที่สุดก็จะตรัสรู้และมีแสงเป็นจุดกลมๆเป็นฝอยๆสีขาวคล้ายน้ำหมึก ขนาดประมาณ 3 มิลลิเมตรบางอันก็เล็กกว่า และมีแสงเป็นรูปคล้ายดาวกระจายขนาดประมาณครึ่งนิ้ว แสงที่เห็นจะมีน้ำหนัก มีลักษณะเป็นก้อน เมื่อกระทบวัตถุสามารถเด้งกลับได้ การตรัสรู้ของศาสนาพราหมณ์คือ "การรู้ว่ากายนี้ไม่ใช่ของเรา"            
            แต่ละศาสนาก็มีหลักการสอนที่แต่งต่างกันไปแต่สิ่งที่เหมือนกันคือทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี มีความรักมีความเมตตาให้กันและกัน สรุปก็คือความจริงของชีวิตของแต่ละศาสนานั้นจะเป็นหลักธรรมคำสั่งสอนที่จะช่วยให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง เมื่อเกิดปัญหาอะไรเราจะได้แก้ปัญหาได้ถูกทาง สอนการเข้าถึงพระศาสดา การตรัสรู้ของแต่ละศาสนา และทุกศาสนาล้วนสอนว่าร่างกายเราเมื่อตายไปก็กลายเป็นเศษซากเอาอะไรไปไม่ได้แต่สิ่งที่เราเอาไปได้คือคุณงามความดีที่เราได้ทำไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น